แนวข้อสอบครู

เตรียมสอบบรรจุข้าราชการครับ   >>
แจกฟรี แนวข้อสอบบรรจุครู
แจกฟรี แนวข้อสอบครูผู้ช่วย
http://www.ziddu.com/download/14540874/teacher100.rar.html
เข้าไปดาวโหลดเพิ่มเติ่มที่
คลิ๊ก.......
http://www.kosobthai.com/index.php?m=bbs
http://www.kosobthai.com/index.php?m=bbs
http://www.kosobthai.com/index.php?m=bbs
                                    


ตัวอย่างแนวข้อสอบวิชาจิตวิทยาสำหรับครู ลองอ่านดูข้างล่างนะครับ
เพื่อเป็นแนวทางในการทำข้อสอบบรรจุ

1. เจตคติ(Atttitude)หมายถึงข้อใด?
         ก. การรับรู้พฤติกรรมในการสื่อสาร                                                                    
          ข.การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ในการแสดงออก
          ค. ความรู้สึกของบุคคลทั้งทางบวกและทางลบ ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
          ง. การสร้างสถานการณ์ แสดงออกให้บุคคลยอมรับ
 ตอบ     ค. ความรู้สึกของบุคคลทั้งทางบวกและทางลบ ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
2. ข้อใดกล่าวถูกต้อง?
            ก. เจตคติเปลี่ยนแปลงไม่ได้                      
ข.เจตคติเกิดจากความรู้สึกของบุคคลเฉพาะทางบวกเท่านั้น
            ค. เจตคติเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกกับวัยรุ่น          
ง. ไม่มีข้อถูก
            ตอบ     ง. ไม่มีถูกข้อถูก
3. เจตคติเกิดได้ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการคือ?
ก.ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพฤติกรรม
            ข. ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพันธุกรรม
            ค. ด้านพันธุกรรม ด้านพฤติกรรม ด้านความรู้สึก
ง. ไม่มีข้อใดถูก
            ตอบ     ก. ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพฤติกรรม
4. ข้อใดเป็นเจตคติจากการเลียนแบบ?
            ก. ประสบการณ์ความรู้สึก                                     ข. อารมณ์และสิ่งแวดล้อม
            ค.  เอาแบบอย่างจากพ่อแม่                                  ง. การรับรู้และสิ่งเร้า
            ตอบ     ค. เอาแบบอย่างจากพ่อแม่
5. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง?
            ก. เจตคติเกิดจากการเรียนรู้                                   ข. เจตคติเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
            ค. เจตคติเกิดจากการเลียนแบบ                             ง. ไม่มีคำตอบ
            ตอบ     ง. ไม่มีคำตอบ
6. จากคำกล่าวที่ส่าเจตคติเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เจตคติของบุคคลเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
    ที่สุด
            ก.พฤติกรรม                                                        ข. ความรู้สึก
            ค.ความคิด                                                         ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ     ค. ความคิด
7. วิธีการที่ใช้วัดเจตคติของผู้เรียนที่เหมาะที่สุดคือข้อใด?
ก. การสอบถาม                                                   ข. การสังเกต
            ค. การตรวจผลงาน                                              ง. ไม่มีข้อใดถูก
            ตอบ     ก. การสอบถาม
8. เจตคติ คือ ความพร้อม โน้มเอียง ที่แสดงออกว่าชอบไม่ชอบเป็นคำกล่าวของใคร?
            ก. Hilgacd                                                         ข. .Anastasi
            ค. Frederic                                                        ง. Good
             ตอบ    ข. Anastasi
9. ประสบการณ์ที่ทำไห้พฤติกรรมเปลี่ยนเรียกว่าอะไร?
            ก. การระลึกได้                                                    ข. การทดสอบ
            ค. การสอน                                                         ง. การเรียนรู้
            ตอบ     ง. การเรียนรู้
10. ข้อใดหมายถึง เจตคติจากประสบการณ์รุนแรง?
            ก. กฎระเบียบของโรงเรียน
            ข.แม่ดุลูกที่ไม่ตั้งใจเรียน
            ค. เขียวเล่นคอมพิวเตอร์                          
ง. แดงกินอาหารชนิดหนึ่ง และเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง
ตอบ     ง. แดงกินอาหารชนิดหนึ่ง และเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง
11. ข้อใดมีอิทธิพล ต่อการเกิดเจตคติ ต่อเด็กมากที่สุด?
            ก.อิทธิพลจากสื่อมวลชน                                       ข. อิทธิพลจากการเลี้ยงดู
            ค.อิทธิพลจากกลุ่มต่างๆกลุ่มในโรงเรียน                   ง. อิทธิพลจากประสบการณ์ตรง
            ตอบ     ค. อิทธิพลจากกลุ่มต่างๆกลุ่มในโรงเรียน
12. ข้อใดกล่าวถูกต้องมากที่สุด?
            ก. เจตคติของบุคคลเปลี่ยนแปลงได้เพียงครั้งเดียว
            ข. เจตคติอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
             ค. เจตคติ เกิดขึ้นจากความต้องการขั้นพื้นฐาน
             ง. เจตคติ เกิดขึ้นจากประสบการณ์เป็นอันดับแรก
            ตอบ     ข. เจตคติอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
13. เราสามารถรู้พฤติกรรมที่บุคคลนั้นแสดงออกมาได้อย่างไร?
            ก. การสัมผัส                                                       ข. การซักถาม
            ค. การสังเกต                                                      ง. การทดสอบ
            ตอบ     ค. การสังเกต
14. เด็กเกิดเจตคติจากสื่อมวลชนข้อใดมากที่สุด?
            ก. วิทยุ                                                              ข. หนังสือพิมพ์
            ค. โทรทัศน์                                                         ง. นิตยสาร
            ตอบ     ค. โทรทัศน์
15. การวัดเจตคติที่นิยมกัน ได้แก่ การวัดของใคร?
            ก. Maslow                     ข. Likert                                    ค. Pavlova                     ง. Skinner
            ตอบ     ข. Likert
16. การวัดเจตคติโดยใช้ข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สอบถามความคิดเห็นของบุคคลที่มีต่อเรื่องนั้น
      เป็นแนวคิดของใคร?
            ก. Freud                        ข. Maslow                     ค. Likert                                    ง. Skinner
            ตอบ     ค. Likert
17. วิธีวัดเจตคติสามารถวัดได้จากพฤติกรรมใด?
            ก. ทางตรงอย่างเดียว                                            ข. ทางอ้อมอย่างเดียว
            ค. ทางตรงและทางอ้อม                                        ง. ทางบวกและทางลบ
            ตอบ     ค. ทางตรงและทางอ้อม
18. วิธีการวัดเจตคติที่นิยมกันมาก คือข้อใด?
            ก. การสำรวจ                                                      ข. การใช้มาตราส่วนประเมินค่า
            ค. การวัดแบบไม่วุ่นวาย                                        ง. การใช้ Projective Technique
            ตอบ     ก. การสำรวจ
19. ข้อใดเป็นวิธีการวัดแบบสำรวจ?
            ก. การหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง
            ข. การใช้แบบทดสอบถามที่มีหัวข้อให้เลือก
            ค. วิธีการทำจดหมาย โดยการจ่าหน้าซองถึงคนที่ต้องการจะวัด
            ง. การวัดโดยการสร้างภาพเพ้อฝัน
            ตอบ     ก. การหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง
20. การใช้Projictive tenicques เป็นการวัดแบบเจตคติของใคร?
            ก. ทางตรง                      ข. ทางอ้อม                    ค. การสร้างภาพเพ้อฝัน                ง. การสำรวจ
            ตอบ     ข. ทางอ้อม
 21. Congruent Change หมายถึงข้อใด?
            ก. การเปลี่ยนแปลงไปคนละทาง                             ข. การเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน
            ค. การเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก                           ง. การเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ
            ตอบ     ข. การเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน
22. การเปลี่ยนแปลงเจตคติไปคนละทาง หมายถึงข้อใด?
            ก. Congruent Change                                         ข. InCongruent Change
            ค. Thematic Appcarance Test                             ง. Direct Experience
            ตอบ     ข. InCongruent Change
23. สมศักดิ์มีเคารพต่อครูประจำชั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกที่เคยมีกลับลดลง ข้อความนี้สมศักดิ์มีเจตคติ
      เปลี่ยนแปลงอย่างไร
            ก. เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา                                   ข. เปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน
            ค. เปลี่ยนแปลงไปคนละทาง                                  ง. เปลี่ยนแปลงไปตามความรู้สึก
            ตอบ     ค. เปลี่ยนแปลงไปคนละทาง
24. ผมมีความรู้สึกชอบงานประเภทนี้อยู่แล้ว และเมื่อได้ทำก็จะยิ่งชอบมากขึ้นข้อความนี้เกิดเจตคติในด้านใด?
            ก. เปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน                           ข. เปลี่ยนแปลงไปคนละทาง
            ค.เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา                              ง. ไม่มีข้อใดถูก
            ตอบ     ก. เปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน
25. ข้อใดกล่าวถูกต้อง?
            ก. เจตคติทางบวกจะได้คะแนนมาก                                    ข. เตคติทางลบจะได้คะแนนมาก
            ค. เจตคติทางลบจะได้คะแนนน้อย                          ง. ข้อ ก. ข้อ ค. ถูก
            ตอบ     ง. ข้อ ก. ข้อ ค.ถูก
26. ตามปกติของคนเรา เมื่อถูกวัดเจตคติตรงๆคำตอบที่ได้คือข้อใด?
            ก. อาจเสี่ยงที่จะตอบตามตรง ตอบตามที่สังคมชอบมากกว่า
            ข. อาจได้ข้อมูลตามตรง
            ค. อาจได้ข้อมูลจากใจจริง
            ง. อาจได้ข้อมูลใกล้เคียงความจริง
            ตอบ     ก. อาจเสี่ยงที่ตอบตามตรง ตอบตามที่สังคมชอบมากกกว่า
27. การเล่าเรื่องอธิบายภาพบางอย่างที่กำกวมสามารถบอกได้หลายแง่มุม เรียกว่าอะไร?
            ก. การต่อเนื่องโดยความสัมพันธ์                             ข. การสร้างเพ้อฝัน
            ค. การสำรวจประชามติ                                        ง. การหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง
            ตอบ     ข. การสร้างภาพเพ้อฝัน
28. บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการสร้างเจตคติของเด็กมากที่สุดคือข้อใด?
            ก. พ่อ แม่                                                           ข. ญาติสนิท
            ค. เพื่อน                                                             ง. ครูและเพื่อน
            ตอบ     ง. ครูและเพื่อน
29. อารมณ์ของบุคคล เกิดจากเจตคติในด้านใด?
            ก. Behavioral Component                                   ข. Affective
            ค. Congnitive Component                                   ง. Imitaiton
            ตอบ     ข. Affective
30. เด็กได้รับเจตคติจากการเรียนรู้ที่ใดเป็นลำดับแรก?
            ก. บ้าน                                                              ข. โรงเรียน
            ค. ครู                                                                 ง. เพื่อน
            ตอบ     ก. บ้าน
31. การวัดเจตคติจะต้องสอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด?
            ก. เนื้อหา                                                           ข. กิจกรรม
            ค. จุดประสงค์                                                     ง. การตอบสนอง
            ตอบ     ค. จุดประสงค์
32. เจตคติหมายถึงอะไร?
            ก. ท่าที หรือความรู้สึกของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
            ข. ความพร้อมที่จะแสดงออกในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
            ค. ความพร้อม โน้มเอียงที่แสดงว่าชอบ หรือไม่ชอบต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
            ง. ถูกทุกข้อ
            ตอบ     ง. ถูกทุกข้อ
33. ข้อใดกล่าวความหมายของวิชาชีพได้ถูกต้องที่สุด?
            ก. สิ่ง หรือ เรื่องที่จำเป็นภารกิจต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นคราวๆ
            ข. ภารกิจที่ต้องทำเสมอ
            ค. งานที่ทำเป็นประจำเพื่อเลี้ยงชีพ
            ง. อาชีพที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญที่ได้รับฝึกฝน
            ตอบ     ง. อาชีพที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญที่ได้รับฝึกฝนมา
34. คุณลักษณะของวิชาชีพสูง ต้องได้รับการฝึกอบรมมีระยะเวลาตามใด?
            ก. ไม่น้อยกว่า 1 ปี           ข. ไม่น้อยกว่า 2 ปี           ค. ไม่น้อยกว่า 3 ปี           ง. ไม่น้อยกว่า 4 ปี  
            ตอบ  ง. ไม่น้อยกว่า 4 ปี
 35. ข้อใดเป็นคุณลักษณะของวิชาชีพชั้นสูง?
            ก. มีจรรยาบรรณ                                                 ข. มีสถาบันวิชาชีพ
            ค. มีการให้บริการแก่สังคมเป็นเฉพาะเจาะจง                       ง. ถูกทุกข้อ
            ตอบ     ง. ถูกทุกข้อ

36. สถาบันวิชาชีพคู คือ ข้อใด?
            ก. คุรุสภา
            ข. สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา
            ค. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
            ง. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
            ตอบ     ก. คุรุสภา
37. ครู ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน หมายความว่าอะไร?
            ก. เคารพ                                                            ข. ผู้ควรแก่การเคารพ
            ค. หนัก                                                              ง. ผู้สั่งสอนศิษย์
            ตอบ     ง. ผู้สั่งสอนศิษย์
38. วินัย เป็นผู้ให้ความสนิทสนมแก่ศิษย์ เพื่อให้ศิษย์สบายใจและกล้าเข้าไปปรึกษาแสดงว่าครูวินัย ประพฤติตนเป็นครูที่ดีตาม ธรรมะกัลยาณมิตร ข้อใด?
            ก. ปิโย                                                              ข. ครุ
            ค. ภาวนีโย                                                         ง. วัตตา
            ตอบ     ค. ปิโย
39. ข้อใดแสดงว่าครูมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพ?
            ก. ครูสมชายใช้เวลาว่างเตรียมแผนการจัดการเรียนรู้
            ข. ครูสะอาด ใช้เวลาตอนเย็นสอนคอมพิวเตอร์แก่ศิษย์ โดยรับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ100บาทเท่านั้น
            ค. ครูสมยศศึกษาต่อระดับปริญญาเอก เพื่อที่จะได้เปลี่ยนสถานที่ไปสอนในมหาวิทยาลัย
            ง.  ถูกทุกข้อ
            ตอบ     ก.  ครูสมชายใช้เวลาว่างเตรียมแผนการจัดการเรียนรู้
40. วิชาชีพครู กำหนดไว้ในกฎหมายใด?
            ก. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
            ข. พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
            ค. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
            ง. ถูกทุกข้อ
            ตอบ       ข. พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
 41. อัตราค่าธรรมเนียมขอขั้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจำนวนเท่าใด?
            ก. 400 บาท                                                        ข. 500 บาท
            ค. 600 บาท                                                        ง. 700 บาท
            ตอบ     ข. 500บาท
42. คณะกรรมการคุรุสภามีจำนวนเท่าใด?
            ก. 15 คน                       ข. 19 คน                       ค. 29 คน                       ง. 39 คน
            ตอบ     ง. 39 คน
43. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพมีจำนวนเท่าใด?
            ก. 15 คน                       ข. 17 คน                       ค. 23 คน                       ง. 39 คน
            ตอบ     ข. 17 คน
44. ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพคือใคร?
            ก. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
            ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
            ค. รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา
            ง. คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา
            ตอบ     ค. รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา
45. ผู้มีหน้าที่ดูแลและรักษาทะเบียนผู้ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาคือใคร?
            ก. คณะกรรมการคุรุสภา
            ข. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
            ค. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
            ง. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
            ตอบ     ง. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
46. บุคคลที่จะได้รับบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูต้องมีอายุกี่ปี?
            ก. ไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์                                     ข.ไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
            ค. ไม่ต่ำกว่า 21 ปีบริบูรณ์                                     ง. ไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์
            ตอบ     ก. ไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
47. บุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครูในข้อใด?
            ก. นักศึกษาฝึกสอน                                             ข. วิทยากรพิเศษ
            ค. ผู้จัดการศึกษาตามอัธยาศัย                               ง. ถูกทุกข้อ
            ตอบ     ง. ถูกทุกข้อ
48. ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตำแหน่งใดได้รับ การยกเว้นมีใบ
      ประกอบวิชาชีพครู?
            ก. อาจารย์                                                         ข. อธิการบดี
            ค. เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน                        ง. ได้รับการยกเว้นทุกข้อ
            ตอบ     ง. ได้รับการยกเว้นทุกข้อ
49.ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา?
            ก. อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์                               ข. มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา
            ค. ได้รับการฝึกฝนประสบการณ์มาไม่น้อยกว่า 1 ปี    ง. ไม่มีคำตอบ
            ตอบ     ก. อายุ ไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
50. ผู้ประสงค์ขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้ยื่นต่อผู้ใด?
            ก.เลขาธิการคุรุสภา                                              ข. ผู้บริหารสถานศึกษา
            ค. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา        ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
            ตอบ     ก. เลขาธิการคุรุสภา


       ลองเอาไปทดลองอ่านดูก่อนนะครับ สัก 50 ข้อ .............
เข้าไปดาวโหลดเพิ่มเติม.....





เเจกแนวข้อสอบครูผู้ช่วย 3000 ข้อเตรียมสอบครู สพฐ.ปี 2554 
ดาวโหลดที่  http://www.ziddu.com/download/13469850/kro54.rar.html


โหลดเพิ่มเติม...http://www.kosobthai.com/index.php?m=bbs

 มาตรฐานวิชาชีพครู    เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับ คุณลักษณะและคุณภาพที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นใน
การประกอบวิชาชีพครู โดยผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องนำมาตรฐานวิชาชีพเป็นหลักเกณฑ์ในประกอบวิชาชีพ

         
คุรุสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพครู ตาม พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
 ได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครู ไว้ 3 ด้าน  ตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
พ.ศ. 2548 กล่าวคือ
             1.
มาตรฐานด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ

             2.
มาตรฐานด้านการปฏิบัติงาน

             3.
มาตรฐานด้านการปฏิบัติตน

       
มาตรฐานด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ กำหนดไว้ ดังนี้

           
ความรู้  ครูต้องมีความรู้ในเรื่อง ดังนี้

        1. 
ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู

        2. 
การพัฒนาหลักสูตร

        3. 
การจัดการเรียนรู้

        4. 
จิตวิทยาสำหรับครู

        5. 
การวัดและประเมินผลการศึกษา

        6. 
การบริหารจัดการในห้องเรียน

        7. 
การวิจัยทางการศึกษา

        8. 
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา

       9.
ความเป็นครู

           
ประสบการณ์  ผู้จะเป็นครูต้องมีประสบการณ์ ดังนี้

          1)
วุฒิปริญญาตรีทางการศึกษาที่สภาวิชาชีพ(คุรุสภา) รับรอง หรือ

          2)
วุฒิปริญญาตรีทางวิชาการหรือวิชาชีพอื่น และได้ศึกษาวิชาการศึกษาหรือฝึกอบรม
 วิชาชีพทาง การศึกษา มาไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
      3)
ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาที่สภาวิชาชีพรับรอง และผ่านการประเมิน
กาปฏิบัติการสอนตามเกณฑ์ที่สภาวิชาชีพกำหนด
       
มาตรฐานด้านการปฏิบัติงาน ได้แก่เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ที่สภาวิชาชีพ (คุรุสภา)
 กำหนด ประกอบด้วย 12 เกณฑ์มาตรฐาน ดังนี้
       
มาตรฐานที่ 1 ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ

       
มาตรฐานที่ 2 ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียน

       
มาตรฐานที่ 3 มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ

       
มาตรฐานที่ 4 พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติให้เกิดผลจริง

       
มาตรฐานที่ 5 พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

       
มาตรฐานที่ 6 จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน

       
มาตรฐานที่ 7 รายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ

       
มาตรฐานที่ 8 ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน

       
มาตรฐานที่ 9 ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์
 
       
มาตรฐานที่ 10 ร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชน

       
มาตรฐานที่ 11 แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา

       
มาตรฐานที่ 12 สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ทุกสถานการณ์

     
มาตรฐานด้านการปฏิบัติตน ได้แก่ จรรยาบรรณครู ที่สภาวิชาชีพ (คุรุสภา) กำหนด ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ ดังนี้

       1)
ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า

       2)
ครูต้องอบรมสั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ครูต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

      3)
ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ทั้งกาย วาจา และจิตใจ

      4)
ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์

     5)
ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและไม่ใช้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ

      6)
ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ

      7)
ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู

     
ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครู และชุมชนในทางสร้างสรรค์
      9)
ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย

       
มาตรฐานวิชาชีพครู จะเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมีสิทธิ ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติมาตรฐานวิชาชีพครู ดังกล่าวข้างต้น

โหลดเพิ่มเติ่มครับ


เตรียมสอบภาค ข  ต่อนะครับ>>>>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น